ดันกองทุนประชารัฐ 3 แสนล้านบาท กลไกหลักผลักเศรษฐกิจโต 5%

ประเทศไทย! กำลังนับถอยหลังเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 14 พ.ค. นี้ บรรดาพรรคการเมืองต่างเดินหน้าแย่งชิงคะแนนเสียงโดยงัดสารพัดนโยบายมาซื้อใจคนไทย เช่นเดียวกับพรรคพลังประชารัฐ ที่ชู 3 นโยบายเร่งด่วน 7 นโยบายเร่งรัด เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจ พลิกโฉมประเทศไทยให้ยั่งยืน โดยใช้กองทุนประชารัฐ 3 แสนล้านบาท เป็นกลไกขับเคลื่อน

“อุตตม สาวนายน” ประธานคณะกรรมการฝ่ายจัดทำนโยบาย และผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ลำดับ 5 พรรคพลังประชารัฐ อรรถาธิบายไว้ว่า การพลิกฟื้นเศรษฐกิจ พลิกโฉมประเทศ ถือเป็นโจทย์ใหญ่ของประเทศในเวลานี้ ต้องพลิกฟื้น…เพราะคนกำลังลำบากเรื่องปากท้อง ต้องพลิกโฉม…เพราะถ้าปล่อยไปประเทศไทยจะพลาดโอกาส ดังนั้นชุดนโยบายที่ออกมาจะถูกขับเคลื่อนโดยกองทุนประชารัฐ เพื่อทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตให้ได้ที่ 5% ภายใน 4 ปี โดยมีเป้าหมายที่ต้องทำให้เศรษฐกิจในประเทศเข้มแข็ง ควบคู่ไปกับการสร้างและพัฒนาให้ประเทศมีเสน่ห์ดึงเงินลงทุนจากต่างประเทศ

ทั้งนี้ การจัดตั้งกองทุนประชารัฐ วงเงิน 3 แสนล้านบาท ใน 4 ปีนั้น จะจัดสรรเงินมาจากเงินงบประมาณเป็นรายปี ซึ่งเกิดจากการเกลี่ยงบประมาณ การจัดลำดับความสำคัญ การปรับการใช้จ่ายใหม่ โดยไม่แตะต้องในส่วนของงบประจำใด ๆ ทั้งสิ้น และไม่ต้องเพิ่มวงเงินงบประมาณใด ๆ เบื้องต้นปีแรกจะใช้เงินประมาณ 1 แสนล้านบาท เพื่อให้กองทุนประชารัฐเดินหน้าชุดนโยบาย 3 เร่งด่วน เพื่อแก้ไขปัญหาให้ครบทุกมิติ ทั้งแก้หนี้เบ็ดเสร็จ เติมทุนใหม่ สร้างโอกาส, การดูแลสวัสดิการเสริมทักษะพัฒนาคนไทย และยกระดับคุณภาพชีวิตทุกกลุ่มวัย รวมถึงนโยบาย 7 เร่งรัด เพื่อวางรากฐานเศรษฐกิจให้เติบโตยั่งยืนคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

“อุตตม” บอกว่าการทำงานของกองทุนประชารัฐ จะปลดภาระ เพิ่มรายได้และสร้างโอกาส โดยเป็นการแก้หนี้ให้เบ็ดเสร็จ เติมทุนใหม่ แล้วเสริมทักษะเพื่อสร้างโอกาส เพราะถ้าใช้เฉพาะวิธีพักหนี้ จะไม่สำเร็จเพราะเป็นการช่วยเหลือที่ไม่ครบถ้วน พ่อค้าแม่ค้า พอหมดเวลาพักหนี้ 2-3 ปี ก็กลับมาเป็นหนี้ใหม่อีก หากไม่ให้กลับมาในวงจรเดิม ก็ต้องช่วยให้มีโอกาสมีรายได้เพิ่ม ต้องเติมทุนใหม่ให้ โดยการเติมทุนใหม่ หากเป็นรูปแบบสินเชื่อ ก็ให้กองทุนนี้เติมทุนแบงก์แล้วไปปล่อยต่อ

โดยเป็นสินเชื่อพิเศษที่มีดอกเบี้ยไม่เกิน 5%  พ่อค้า แม่ค้า ในระดับ 5 หมื่นบาท-1 แสนบาท คิดดอกเบี้ยไม่เกิน 5% ตอนต้นคิดต่ำแล้วค่อยขยับขึ้นมาก็ได้ เช่น ร้านขายขนมจีนได้จานละ 35 บาท แต่เสียดอกเบี้ยเพียง 24 บาท นั่นหมายความว่าขายขนมจีน 1 จานก็จ่ายดอกเบี้ยได้แล้ว ขณะที่เงินสินเชื่อ 50,000 บาท ก็นำมาซื้อเครื่องทำขนมจีนใหม่ได้  ขณะเดียวกันกองทุนฯจะจัดสรรเงินทุนตั้งต้นให้กับสตาร์ทอัพหรือธุรกิจเอสเอ็มอี สูงสุด รายละ 5 ล้านบาท ในรูปแบบของการร่วมทุน แบบกองทุนร่วมทุน เป็นต้น

นอกจากการแก้หนี้ เติมทุนแล้ว สิ่งที่ต้องทำเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องอย่างยั่งยืน คือ การเติมทักษะ เพิ่มองค์ความรู้ โดยการสร้างเครือข่ายศูนย์พัฒนาประชารัฐ เพื่อช่วยเหลือทักษะการทำมาหากิน ที่มีผู้ที่เชี่ยวชาญด้านดิจิทัล ด้านการตลาด ด้านการเงินประจำศูนย์ เพื่อให้คนที่สนใจเข้ามาเพิ่มทักษะ ซึ่งใช้งบประมาณจากกองทุนประชารัฐเติมเข้าไป เนื่องจากทุกอย่างต้องใช้ทุนและกองทุนฯจะไปลงในทุนในการสร้างเครื่องมือเพื่อสร้างโอกาสให้ประชาชน โดยใช้เครือข่ายศูนย์ประชารัฐเข้ามาพัฒนาในพื้นที่โดยตรง

ส่วนสวัสดิการบัตรประชารัฐ เพิ่มเป็น 700 บาท ก็ถือเป็นอีกส่วนที่จำเป็นต้องทำ เพราะถ้าเน้นแต่การลงทุน เน้นอุตสาหกรรมโดยไม่ดูแลสังคม อีกหน่อยมีปัญหาแน่นอน ดังนั้นสวัสดิการประชารัฐเป็นมิติการดูแลให้ความคุ้มครองด้านสังคม เพื่อลดความเหลือมล้ำโดยเริ่มจากกลุ่มเปราะบาง แต่อีกมิติคือการพัฒนาคนไปพร้อม ๆ กัน กองทุนประชารัฐต้องเขามาช่วย เมื่อสองมิติเดินคู่ขนานกันจะทำให้เศรษฐกิจโต และช่องว่างความเหลื่อมล้ำก็จะน้อยลง โดยการใช้กองทุนประชารัฐนับเป็นการลงทุนและส่งเงินโดยตรงไม่รั่วไหล ทำได้ทันที ไม่ต้องสร้างระบบใหม่ทั้งสิ้น

ขณะเดียวกันจะสร้างเศรษฐกิจย่านใหม่ทั่วประเทศ โดยจัดงบประมาณ สนับสนุนให้เกิดทำเลค้าขายใหม่ ๆ เกิดการกระจายรายได้ในวงกว้าง สนับสนุนย่านละ 50 ล้านบาท ตัวอย่างพื้นที่ กทม. เช่น เขตในพระนคร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย จะส่งเสริมด้านวัฒนธรรม เขตรอบนอก เช่น หนองจอก จะส่งเสริมแหล่งผลิตอาหารออร์แกนิก เป็นต้น โดยระบุให้ชัดเจน

ขณะที่ในต่างจังหวัดในระดับชุมชน พรรคพลังประชารัฐยังคงส่งเสริมให้ชุมชนเข้มแข็งสร้างแต้มต่อโดยนำกองทุนประชารัฐไปร่วมลงทุน เพื่อสร้างความคล่องตัวที่ดีกว่าการใช้เงินงบประมาณ แต่จะมีกฎ กติกา คณะกรรมการในการพิจารณาอย่างรอบคอบ และยังนำไปเสริมการทำงานของกองทุนหมู่บ้านได้ด้วย

ในโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ เตรียมปล่อยนโยบายในเรื่องของการผลักดันสินค้าเกษตรซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของประเทศ โดยเฉพาะพืชเศรษฐกิจทั้ง 7 ชนิด ทั้งข้าว อ้อย ยางพารา ปาล์ม มันสำปะหลัง ผลไม้ เป็นต้น ซึ่งต้องมีนโยบายที่เฉพาะเจาะจง ให้ชัดเจนคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

“อุตตม” กล่าวทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า ชุดนโยบายเหล่านี้จะเป็นการเพิ่มความเข้มแข็งให้กับฐานราก สร้างเศรษฐกิจในประเทศให้เข้มแข็ง ขณะเดียวกันยังต้องมีการปรับโครงสร้างภาษีด้วยวิธีการต่าง ๆ เพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศด้วย เช่น บุคคลธรรมดาที่มีรายได้ไม่เกิน 5 แสนบาทต่อปี ก็ไม่ต้องเสียภาษีถือว่าเป็นการสนับสนุนมนุษย์เงินเดือน

ขณะที่ภาษีนิติบุคคลจะไม่แตะในเรื่องของอัตราภาษี แต่ต้องทบทวนในส่วนของการลดหย่อนที่ไม่จำเป็น รวมทั้งต้องขยายฐานภาษีโดยเฉพาะเอสเอ็มอี ที่เมื่อเติมทุนเพิ่มโอกาสให้แล้ว ก็ต้องเข้ามาอยู่ในระบบภาษีให้ถูกต้อง การจัดเก็บภาษีกลุ่มใหม่อย่างกลุ่มออนไลน์ โดยเฉพาะบริษัทต่างประเทศที่พร้อมจ่ายอยู่แล้ว เพียงแต่ไทยยังไม่มีการจัดเก็บที่ชัดเจน หรือแม้แต่การเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีให้ถูกต้องครบถ้วน ขณะเดียวกันต้องเพิ่มประเภทภาษีเพื่อให้ครอบคลุม โดยเฉพาะภาษีสิ่งแวดล้อมอย่าง ภาษีคาร์บอน เป็นต้น.